พายุแต่ละแบบ แตกต่างกันอย่างไร
พายุแต่ละลูกที่เข้ามาในบ้านเรามีความรุนแรงที่แตกต่างกัน ถ้าติดตามข่าวกันก็จะเห็นว่าพายุมีหลายประเภทซึ่งความรุนแรงก็แตกต่างกัน และสร้างความเสียหายให้ตลอด อย่างบ้านเราพายุที่เข้ามาและส่งผลมากที่สุดก็เป็น "พายุเกย์"เข้ามาสร้างความเสียหายอย่างมากในภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ2532 ซึ่งทำให้เกิดน้ำท่วมผู้คนบาดเจ็บ สูญหายและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก อีกทั้งทรัพย์สินของชาวบ้านและของราชการที่เสียหายหลายล้านบาท
สาเหตุที่เกิดพายุ (Storms) เกิดขึ้นเมื่อเกิดศูนย์กลางของแรงดันในอากาศต่ำลงมากกว่าในบริเวณรอบๆ พื้นที่หนึ่ง พร้อมกับมีแรงดันอากาศสูงเกิดขึ้นรอบ ๆ พื้นที่นั้น การรวมของแรงปะทะต่าง ๆ ก่อให้เกิดลม อันส่งผลให้เกิด การเคลื่อนตัวเปลี่ยนรูปของพายุเมฆ เช่น สภาพที่เรียกว่า cumulonimbus ซึ่งเป็นในรูปแบบก้อนเมฆดำทะมึนหนาทึบอันเต็มไปด้วยประจุไฟฟ้าที่ก่อให้เกิดฝนฟ้าคะนอง
ซึ่งแรงดันอากาศต่ำอาจเกิดจากจุดเล็ก ๆ ที่พื้นที่ใด ๆ อันเกิดจากอากาศร้อนลอยล่องขึ้นจากพื้นดิน ส่งผลให้เกิดการปั่นป่วนน้อย ๆ เช่น การเกิดพายุฝุ่น (dust devils) หรือลมหมุน (whirlwinds)
พายุ แบ่งออกได้ดังนี้
ทอร์นาโด tornado หรืองวงช้างเป็นพายุที่มีความรุนแรงสูง มีความเร็วลมสูงสุด 500กม./ชม.ส่วนมาเกิดขึ้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกา การก่อตัวมีสาเหตุจากลมร้อนและลมเย็นมาเจอกันทำให้เกิดการหมุน เมื่อลมหมุนด้วยความเร็วที่ไม่เท่ากันทำให้ปลายอีกข้างลงมาสัมผัสพื้นก่อให้เกิดพายุ โดยทอร์นาโดแบ่งออกเป็นหลายระดับตามกำลังทำลายและความเร็วลม โดยแบ่งเป็น F0 -F5ซึ่ง F0เป็นทอร์นาโดที่อ่อนกำลังสุด และ F5 เป็นทอร์นาโดที่กำลังแรงสุดการจำแนกระดับของทอร์นาโด จะยึดตาม Fujita scale (มาตรวัดฟูจิตะ) ซึ่งกำหนดให้พายุในแต่ละระดับมี ความแรงดังนี้
พายุ F0 ความเร็วลม 64-116 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
พายุ F1 ความเร็วลม 117-180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
พายุ F2 ความเร็วลม 181-253 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
พายุ F3 ความเร็วลม 254-332 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
พายุ F4 ความเร็วลม 333-418 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
พายุ F5 ความเร็วลม 419-512 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
(Image from : http://weknowyourdreams.com/tornado.html)
พายุแต่ละลูกที่เข้ามาในบ้านเรามีความรุนแรงที่แตกต่างกัน ถ้าติดตามข่าวกันก็จะเห็นว่าพายุมีหลายประเภทซึ่งความรุนแรงก็แตกต่างกัน และสร้างความเสียหายให้ตลอด อย่างบ้านเราพายุที่เข้ามาและส่งผลมากที่สุดก็เป็น "พายุเกย์"เข้ามาสร้างความเสียหายอย่างมากในภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ2532 ซึ่งทำให้เกิดน้ำท่วมผู้คนบาดเจ็บ สูญหายและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก อีกทั้งทรัพย์สินของชาวบ้านและของราชการที่เสียหายหลายล้านบาท
สาเหตุที่เกิดพายุ (Storms) เกิดขึ้นเมื่อเกิดศูนย์กลางของแรงดันในอากาศต่ำลงมากกว่าในบริเวณรอบๆ พื้นที่หนึ่ง พร้อมกับมีแรงดันอากาศสูงเกิดขึ้นรอบ ๆ พื้นที่นั้น การรวมของแรงปะทะต่าง ๆ ก่อให้เกิดลม อันส่งผลให้เกิด การเคลื่อนตัวเปลี่ยนรูปของพายุเมฆ เช่น สภาพที่เรียกว่า cumulonimbus ซึ่งเป็นในรูปแบบก้อนเมฆดำทะมึนหนาทึบอันเต็มไปด้วยประจุไฟฟ้าที่ก่อให้เกิดฝนฟ้าคะนอง
ซึ่งแรงดันอากาศต่ำอาจเกิดจากจุดเล็ก ๆ ที่พื้นที่ใด ๆ อันเกิดจากอากาศร้อนลอยล่องขึ้นจากพื้นดิน ส่งผลให้เกิดการปั่นป่วนน้อย ๆ เช่น การเกิดพายุฝุ่น (dust devils) หรือลมหมุน (whirlwinds)
พายุ แบ่งออกได้ดังนี้
ทอร์นาโด tornado หรืองวงช้างเป็นพายุที่มีความรุนแรงสูง มีความเร็วลมสูงสุด 500กม./ชม.ส่วนมาเกิดขึ้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกา การก่อตัวมีสาเหตุจากลมร้อนและลมเย็นมาเจอกันทำให้เกิดการหมุน เมื่อลมหมุนด้วยความเร็วที่ไม่เท่ากันทำให้ปลายอีกข้างลงมาสัมผัสพื้นก่อให้เกิดพายุ โดยทอร์นาโดแบ่งออกเป็นหลายระดับตามกำลังทำลายและความเร็วลม โดยแบ่งเป็น F0 -F5ซึ่ง F0เป็นทอร์นาโดที่อ่อนกำลังสุด และ F5 เป็นทอร์นาโดที่กำลังแรงสุดการจำแนกระดับของทอร์นาโด จะยึดตาม Fujita scale (มาตรวัดฟูจิตะ) ซึ่งกำหนดให้พายุในแต่ละระดับมี ความแรงดังนี้
พายุ F0 ความเร็วลม 64-116 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
พายุ F1 ความเร็วลม 117-180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
พายุ F2 ความเร็วลม 181-253 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
พายุ F3 ความเร็วลม 254-332 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
พายุ F4 ความเร็วลม 333-418 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
พายุ F5 ความเร็วลม 419-512 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
(Image from : http://download-wallpaper.net/content/oklahoma-tornado-tornados.html)
พายุดีเปรสชั่น(Tropical Depression) เป็นพายุเขตร้อนอีกประเภทที่มีความเร็วอยู่ที่ไม่เกิน 61 กม./ชม. และมีความรุนแรงและสร้างความเสียหายน้อยที่สุดของพายุเขตร้อน ความรุนแรงระดับนี้ สามารถทำให้เกิดฝนฟ้าคะนองลมกรรโชกแรงเท่านั้น พายุดีเปรสชั่นถ้าก่อตัวบริเวณใกล้ชายฝั่ง ถ้าขึ้นฝั่งแล้วไม่นานพายุก็สะลายตัว แต่ถ้าเกิดที่กลางทะเลแล้วรวมกันความกดอากาศต่างกันและ พายุอีกลูกที่อยู่บริเวณเดียวกันสามารถพัฒนาไปเป็น พายุใต้ฝุ่น หรือ พายุโซนร้อนได้ ซึ่งความเสียหายก็จะมากตามไปด้วย
พายุโซนร้อน (Tropical Storm) เป็นพายุที่มีความรุนแรงกว่าพายุดีเปรสชั่นแต่อ่อนกว่าพายุใต้ฝุ่น มีความเร็วลมที่62-117 กม./ชม. สามารถทำให้เกิดฝนตกได้เป็นวงกว้าง ถ้าพายุก่อตัวบริเวณใกล้ชายฝั่งถ้าขึ้นฝั่งแล้วก็จะกลายเป็น พายุดีเปรสชั่น และสะลายตัวไปในที่สุด แต่ถ้าเกิดในทะเลลึกก็จะส่งผลทำให้กลายเป็น พายุใต้ฝุ่น ได้ในที่สุด
(Image from : https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%9D%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99)
พายุใต้ฝุ่น (Typhoon) เป็น พายุเขตร้อน ที่มีความเร็วลมสูงสุด ก่อตัวที่มหาสมุทรแปซิฟิคด้านตะวันตกเฉียงเหนือของมหาสมุทร โดยในมหาสมุทรนี้มีพายุก่อตัวอีกด้านของมหาสมุทรแปซฺฟิคเหนือฝั่งตะวันออก จะเรียกว่า เฮอร์ริเครน ซึ่งจะเคลื่อนที่ไปคนละทางกับบ้านเรา โดยความเร็วลมของพายุใต้ผุ่นอยู่ที่ 118กม./ชม ขึ้นไป พายุใต้ฝุ่นส่วนมากก่อตังขึ้นระหว่างเดือนมิถุนายนถึงพฤศจิกายน และเป็นพายุที่สร้างความเสียหายมากที่สุด
อ้างอิงจาก : https://th.wikipedia.org,https://www.tmd.go.th,
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น